75ปีซุปเปอร์แมน
* คลิปด้านบนเป็นสกุ๊ปที่สรุปเรื่องราวของSuperman ในโลกภาพยนตร์ไว้แล้วนะครับถ้าขี้เกียจอ่านก็ดูวิดีโอได้ข้างล่างเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ^^
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซุปเปอร์แมนภาคใหม่ในชื่อ Man of steel ได้เข้าฉายในไทยให้ปุถุชนคนทั่วไปได้ดู เพราะผมไม่นับรอบสื่อมวลชน
ก่อนหนังจะฉายมีหลายคนมองว่าหนังซุปเปอร์อาจไปไม่รอด เพราะเมื่อเทียบกับตอนก่อนหน้านี้ในชื่อ Superman return เมื่อ7ปีก่อน รายได้รายรับกับคำวิจารณ์ออกไปในทางลบซะมากกว่า โปรเจ็กภาคต่อที่ว่าจะทำกันก็เป็นอันต้องล้มพับเก็บไป นานถึง7ปี Man of steel จึงได้ลืมต่อดูโลกอีกครั้ง
Superman Returns น่าผิดหวังเพราะอะไร ?
อันนี้ตัวผมเองต้องบอกไว้ก่อนว่าค่อนข้างชอบอะไรหลายๆอย่างในภาคนี้พอสมควร เพราะตัวผู้กำกับ Bryan Singer (ไบรอั้น ซิงเกอร์ เจ้าของผลงาน หนัง X-men เกือบทุกภาค และ แจ็คผู้ฆ่ายักษ์)
ต้องการสารต่องานและเป็นการคาราวะในตัวให้กับหนัง
Superman 1978 โดยอิงเรื่องราวให้ต่อกัน เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคยดู ซุเปอร์แมนภาคที่พูดไว้ในข้างต้นก็อาจจะงงกับเนื้อหาบ้างเล็กน้อย เพราะผมเองหลังจากดู Returns จบต้องรีบไปหา ภาคก่อนหน้ามานั่งดูทำความเข้าใจ และ เรียงลำดับการดูได้ดังนี้
Superman 1 - Superman 2 - Superman Returns แต่หนัง Returns ก็พยายามช่วยคนดูรุ่นใหม่ให้เข้าใจสถานะการในหลายๆจุดเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเยอะ สเปเชี่ยลเอ็ฟเฟก จัดว่าโอเคกว่าภาคก่อนเยอะแต่ที่พลาดไปคงจะเป็นตรงเนื้อหานี่แหละ เรื่องเล่าว่าซุปเปอร์แมนค้นพบเศษซากที่เหลือของดาวบ้านเกิด เลยขึ้นไปสำรวจว่ามีอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง ทิ้งโลกไปกี่ปีอันนี้ผมลืมแล้ว กลับมาก็สร้างความฮือหาให้กับเหล่ามิตรรักแฟนเพลงได้ ยกเว้นนางเอกของเรื่อง ที่แต่งงานมีลูกมีผัวไปแล้ว (ซุปอกหัก) ตัวร้ายก็เป็นชายหัวโล้นจากภาคเก่า(เล็กซ์ ลูเธอร์)ที่มาพร้อมกับแผนร้ายอีกตามเคย ปี 1978 กับ 2006 คงไม่ต้องเทียบเรื่อง เอ็ฟเฟก แต่ที่ไม่ถูกปากคอหนังบ้านเราคงเห็นจะเป็นฉากแอ็กชั่นที่แทบจะไม่มีเลย ถึงมีก็เป็นอะไรที่ซอฟและเบามากๆคนดูอาจจะหลับได้ (ผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น) Returns จึงไม่เหมาะกับคอหนังแอ็กชั่นด้วยประการทั้งปวงเน้นหนักไปทางดราม่า(แต่ก็ดราม่าไม่สุดอีกนั้นแหละ) หนังไม่ได้แย่จนเลวร้ายครับดูเพลินได้ยิ่งถ้าดู ภาคปี 1978 มาแล้วเชื่อว่าจะต้องติดตามความสัมพันธ์ของตัวละครชุดนี้ครับ
และเพลงประจำตัวของซุปเปอร์แมนก็ยังตามมาให้ฟังกันในภาคนี้ครับ
Man of Steel บรุษเหล็กซุปเปอร์แมน ในสายตาผม
เนื่องจากดาวคริปตั้นมีระบบการจัดหมวดหมู่ประชากรอย่างชัดเจนเมื่อเด็กเกิดมาจะต้องจับใส่แค็ปซูลแล้วป้อนชุดคำสั่งข้อมูลเข้าสมองบอกว่า เด็กคนนี้เมื่อโตขึ้นจะต้องเป็นอะไรเช่น ทหาร นักปกครอง ประชากร ระดับไหนอาชีพอะไรมีการแบ่งแยกชัดเจน สิ่งทำกันมาช้านานในดาวคริปตั้นจนเป็นเรื่องปกติ
จอร์-เอล เล็งเห็นว่าเราทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะเป็นอะไรก็ได้ หาใช่สังคมที่เป็นตัวกำหนดว่าเราจะเป็นอะไรดี เด็กทุกคนล้วนมีความฝันเป็นของตัวเอง เขาจึงให้ลูกชายคลอดและเติบโตมาอย่างธรรมชาติที่สุดเพื่อให้เขาได้เลือกที่จะเป็นอะไรก็ตามที่เขาอยากเป็น เป็นประเด็นเนื้อหาที่ผมชอบที่สุดเพราะเมื่อมองทุกวันนี้ในสังคมเราบางครอบครัวค่อนข้างจะกำหนดทิศทางต่างๆพร้อมบังคับให้ลูกเดินตามไปโดยไม่ถามว่าลูกอยากเดินไปหรือไม่ ฉากนี้ทำคนทึ่งในตัวบทหนังภาคนี้มากๆแต่เมื่อไปคุยกับเพื่อนๆในวงสนทนา เกี่ยวกับหนังภาคนี้ หลายคนจะพูดไปในทางที่ว่าหนังอลังการฉากต่อสู้มันส์ซะใจ(ซึ่งผมไม่เถียง บ่องตงว่ามันสุโค่ยมากๆ ) แต่บทหนังไม่มีอะไรเลย(ก็แล้วแต่คนมองนะครับมองได้ลึกแค่ไหน) เล่าเรื่องในวัยเด็กของซุปเปอร์แมนน้อยเกินไปนี่ก็เป็นอีกปัญหานึงที่ผมว่ามันเล็กจนไม่ต้องไปสนใจก็ได้เพราะตลอด2ชั่วโมงกว่าๆหนังพยายามเล่าตัดสลับเหตุุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันอยู่แล้ว มันทำให้หนังไม่อืดและไหลลื่นอันนี้ก็ขอชมในเรื่่องการลำดับเหตุการณ์ เพราะถ้าหากดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงเล่าตอนเด็กเรื่อยมาจนเป็นซุปเปอร์หนังคงอืดเป็นเส้นมาม่า
ฉากต่อสู้เหมือนดราก้อนบอล ?
ให้สามครับว่า ( มัน จุงส์ เบย ) เหมือนดูดราก้อนบอลแต่ประเด็นที่ตามมาก็คือท่านผู้รู้(ทำเป็นรู้) คิดว่าหนังซุเปอร์แมนภาคนี้ทำกำเนิดลอกเลียนแบบกำเนิดโกคูในดราก้อนบอล คาร์-เอล (ซุปเปอร์แมน) คาคาล็อต (โกคู) นั่งยานอวกาศนี่ดาวระเบิดมาเหมือนกัน "ซุปเปอร์แมนลอกดราก้อนบอลมาชัดๆ" ผิดแล้วครับ ! Dragonball ตีพิมพ์ในช่วงปี ค.ศ.1986-1989 (นานจุงเกิดกันยังหว่า ) Superman ตีพิมพ์ในช่วงปี ค.ศ. 1938 (โอ้พระสงฆ์ก่ชาติมาแล้วเนี่ย !) Dragonball ในช่วงแรกก็เป็นการเดินทางตามหาดราก้อนบอลเพื่อขอพรบลาๆ จนหมดช่วงศึกพิโกโร่ไปแล้ว พล็อตที่ว่าโกคูเป็นมนุษย์ต่างดาวจึงตามมาครับไม่ต้องมานั้งเดาให้เสียเวลาเลยว่าเอามาจากเรื่องอะไรเป็นอันจบนะครับว่าใครลอกใคร เพราะถ้าจะมาเถียงกันว่าใครเก่งกว่าผมขอนำเสนอด้วยวิดีโอข้าล่างนี้ ก็เป็นอันจบอีกนะครับ
ดูแล้วอย่าคิดมากหละครับ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น