วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

The green hornet หน้ากากเกรียน(แตน)อาละวาด !


The Green Hornet หน้ากากอาละวาด !  (2011)

เมื่อประมาณสัปดาห์ ก่อนหลังสอบเสร็จผมมีโอกาสได้ไปเดินเที่ยวย่อนใจที่ห้าง ก็เป็นทำเนียมประจำที่จะต้องเดินเข้าร้าน บูมเมอร์แรง ร้านขายแผ่นDVD เข้าไปเดินดูโม้เรื่องหนังให้เพื่อนฟังจนเจ้าของร้านมั่นไส้บ้าง  ยืนดูแล้วก็ไม่ซื้อบ้าง แต่พะเอิญวันนั้นผมพอมีตังค์ติดกระเป๋าอยู่บ้างผมเลย หยิบหนังมาสองเรื่อง  หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องนี้แหละครับ  หน้ากากแตนอาละวาด ในราคา 189 บาท

หนังออกมาตั้งนานแล้วทำไมมาซื้อเอาป่านนี้เพิ่งเคยดูหรอ ?

อันที่จริงผมดูมาแล้วตั้งแต่ตอนมันเข้าโรงเลยนะ  ตอนนั้นน่าจะช่วงประมาณอยู่ม.3 แท็กทีมกับพี่ชายไปดูกัน ค่อนข้างสนใจในตัวหน้ากากแตนคนนี้มาก  เพราะได้ยินกิติศัพท์ที่คุณพ่อเล่าลือมานาน  หลังจากดูรอบนั้นออกมา ก็เช่ามาดูซ้ำอีกรอบ โหลดเก็บบ้าง หนังมันถูกปากผมมาก จึงถึงควรแก่เวลาที่จะมีในครอบครองซะที !  

The Green Hornet  ?

Green Hornet (กรีนฮอร์เน็ท ) เป็นผลงานละครวิทยุที่สร้างสรรค์โดย George W. Trendle และ Fran Striker (ผู้สร้างสรรค์เดียวกับ The Lone Ranger) ในช่วงปี 1930   เรื่องราวของ ฮีโร่หน้ากาก นามหน้ากากแตน และ ลูกมือ เคโต้ ออกพดุงความยุติธรรมในสังคมด้วยการปราบเหล่าร้าย  มาในโทนเดียวกันกับ เดอะโลนเรนเจอร์ (เพราะผู้สร้างได้เชื่อมเรื่องราวว่าตัว หน้ากากแตน บริท รีส นั้นเป็นญาติรุ่นเหลนของ จอห์น รีส )  เมื่อได้รับความนิยมก็มีการขยายตัวไปในสื่อต่างๆ อย่างหนังสือการ์ตูน รวมถึงภาพยนตร์ขาวดำ  แต่ที่เป็นตำนานกล่าวขวัญกันจนถึงทุกวันนี้คงจะหนีไม่พ้น หน้ากากแตน ฉบับ ละครทีวีในช่วงปี 1966-1967    
The Green Hornet 1969
ด้วยเนื้อหาที่เป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนฮีโร่ จึงได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้นและเป็นที่จดจำของคอหนังรุ่นปู่รุ่นพ่อชาวเอเชียด้วย Kato (เคโต้) ผู้ช่วยของหน้ากากแตนในเรื่องรับบทโดย Bruce Lee บรูซ ลี  ดารานักบู๊ผู้ล่วงลับ  ด้วยท่วงท่าการต่อสู้สไตล์กังฟูของเขาทำให้เป็นที่จดจำ ของฝรั่งตาน้ำข้าวใน Hollywood อย่างรวดเร็ว  หลังจากปิดตำนานหน้ากากแตนไปแล้วในปี 1967  ก็มีการวางแผนจะนำ green hornet หลับมาในรูปแบบจอเงินหลายครั้งหลายคนแต่ก็เป็นอันล่มไปหลายครั้ง จนปี2010  Seth Rogen เซธ โรเก้น  และ  เพื่อนร่วมงานของเขาเตรียมหยิบเดอะกรีนฮอร์เน็ทมาปัดฝุ่นอีกครั้งโดยวางดาวตลกชื่อดังแห่งเอเชียอย่าง โจวซิงฉือ มาเป็นผู้กำกับ แต่ด้วย เฮียโจวซิงฉือ แกมีแนวคิดที่ว่าให้ ตัวละครเคโต้ จากผู้ช่วยเปลี่ยนมาเป็นผู้คอยชักใย ตัวกรีนฮอร์เน็ทให้ไปปราบเหล่าร้ายแทน พูดง่ายๆก็คือให้เคโต้เป็นพระเอกไปเลยครับ แต่แน่นอนว่าแนวคิดนี้ไม่ผ่านเข้าตา เซธ โรเก้น  จึงเป็นอันล้มพับเก็บไป  จนทางทีมงาน สามารถหาตัวผู้กำกับรายใหม่ Michel Gondry (ไมเคิล กอนดี้)  มาได้งานก็เริ่มเดินหน้าไปในทางที่พวกเขาต้องการเป็นอันเปิดกล้องครับ


             ณ.. เมืองลอสแองเจิลลิส ในยุคปัจจุบัน ปัญหาอาชญากรทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น กฎหมายไม่สามารถทำอะไรพวกค้ายาได้ เกิดแก๊งต่างๆมากมาย    แต่ผู้คนกลับวางเชยและเห็นเป็นเรื่องปกติ ก็จะมีแต่หนังสือเอกชน The Daily Sentinel  ที่กล้าเขียนบทความและสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับความเสื่อมโทรมของเมืองให้ผู้คนเริ่มรู้สึกตัวถึงความไม่เป็นธรรมในสังคมและภัยที่กำลังคุกคามพวกเขา ภายใต้การนำของ บรรณาธิการ  เจมส์ รีด (ทอม วิกินสัน) ที่กล้าเปิดเผยความจริง  แต่เขาก็ต้องกุมขมับปวดหัวก็เรื่องของลูกชาย  บริท  รีด  (เซธ โรเก้น) ที่วันๆเอาแต่ผลาญเงินหาความสุขกับปาร์ตี้ไปวันๆไใม่สนใจสิ่งรอบข้าง  จนกระทั่ง เจมส์ รีด ถึงแก่กรรมด้วย ดวยพิษจากเหล็กในผึ้ง อย่างกระทันหัน  อาณาจักรหนังสือพิมพ์เอกชนจึงต้องตกมาอยู่ในความดูแลของ บริท รีด โดยที่เขาเองไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่   และในเช้าวันหลังจากที่เขาสั่งไล่คนใช้ของพ่อออกจากงานหมดนั้นเอง กาแฟรสเลิศที่ข้างเตียงยามเช้าของเขารสชาติเปลี่ยนไปเขาไม่พอใจมาก สั่งให้หัวหน้าคนใช้เรียกตัวคนชงกาแฟกลับมาด่วนที่สุด (เอาแต่ใจจริงๆ)  คนชงกาแฟที่ว่านี่ก็คือ เคโต้ (เจย์ โชว) หนุ่มชาวจีนช่างเครื่องมากความสามารถ   เมื่อทั้งสองมาพบกัน ทั้งสองก็พบว่าเขาเกลียดคนๆเดียวกัน นั้นก็คือพ่อ(บริท)และเจ้านายตนเอง(เคโต้) เหมือนผีเน่ามาเจอกับโรงผุ ทั้งสองเลยวางแผนจะออกไปทำลายรูปปั่นอนุสาวรีย์ของพ่อที่สุสาน (ดูมันทำ) ขณะที่ปฎิบัติภารกิจนั้นเอง ก็ดันเกิดเหตุโจรปล้นขึ้น ซึ่งทั้งสองก็ได้เข้าไปช่วยประชาชนโดยบังเอิญ ครับและหลังจากหนีการตามล่าของตำรวจกลับมาถึงคฤหาสน์ บริท ก็ตระหนักได้ว่าการช่วยคนมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง(เคโต้จัดการคนร้ายครับ เฮียแกยืนสั่งอย่างเดียว555)  เขาจึงเริ่มให้หนังสือพิมพ์ของเขาเองประโคมข่าวเหตุการณ์ในคืนนั้นพร้อม  สร้างคาแร็กเตอร์ของ The Green Hornet ขึ้นมาและเริ่มออกผดุงความยุติธรรม ท้าทายอำนาจแก๊งค้ายาปแบบ เกรียนๆไปพร้อมกับเคโต้  
หมัดฟลุ๊ค ครับอิอิ
   

แอนตี้ฮีโร่ 

ต้องขอบอกก่อนเลยว่า กรีน ฮอร์เน็ท ในเวอร์ชั้นนี้ต่างจากใน ซีรีย์เมื่อปี่ 1966 โดยสิ้นเชิงครับแม้จะนำองค์ประกอปต่างๆอย่างตัวละครกลับมาครบก็จริง แต่ก็อย่างที่บอกครับ "แอนตี้ฮีโร่"  หมายถึงพวกฮีโร่ที่ขาดคุณสมบัติบางประการที่จะเป็นฮีโร่ อย่างเช่นไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ฆ่าคนร้าย(ฮีโร่บางคนไม่ทำ)  พลังพิเศษของตัวเองเป็นปมด้อย   ซึ่งกรีนฮอร์เน็ทของเมื่อปี 1966 เทียบได้กับ แบท แมน & โรบิ้น เลยนะครับทั้งในเรื่องอุปกรณ์ต่างๆความสุขุมการวางแผนความรอบคอบ  ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนหาไม่ได้ใน กรีน ฮอร์เน็ท เวอร์ชั่นนี้เลย   เริ่มจากการที่เปิดตัวพระเอกที่มาในมาดของเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่นจากคนในครอบครัวขาดความรับผิดชอบเอาแต่สนุกสนานไปวันๆ  จนพ่อเขามาจากไปก็ยิ่งเหมือนเพิ่มภาระให้เขาอีก ซึ่งจากที่ไม่ค่อยชอบพ่อก็กลายเป็นเกลียดพ่อไปเลย   การที่เขารู้สึกอยากเป็นฮีโร่ ก็เป็นเพียงความรู้สึกสนุกสนานเพียงชั่วครู่ครับ  ถึงตอนเด็กๆเขาจะมีความคิดพยายามจะช่วยเหลือผู้คน แต่พ่อได้ใช้คำพูดที่ทำให้เขาหมดกำลังใจที่จะทำความดี "ความพยายามจะไม่มีค่าแหกล้มเหลว" เป็นผมโดนว่าอย่างนี้นะเจ็บจี๊ดเลย สำหรับบางคนแล้วคำพูดแบบนี้อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาต่อยอดได้ แต่กับบางคนอาจเป็นคำพูดที่ไปบั่นทอนความตั้งใจจนล้มเลิกความพยายามไปเลยก็ได้      กรีน ฮอร์เน็ท เวอร์ชั่นนี่จึงเป็นฮีโร่ที่เกิดมาจากการต้องการพิสูจน์ตนเองแก่ผู้อื่นของบริทกับการลบปมด้อยที่ฝังใจเขามาตั้งแต่เด็ก โดยมีพื้นฐานเกี่ยวกับความถูกต้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง แม้เขาจะมาสำนึกได้ในภายหลังก็ตามไปดูเอาเองนะครับไม่สปอย ...

บริท และ เคโต้

               เคโต้ = คนใช้/ลูกสมุน/เพื่อนชายในอุดมคติ/พี่น้อง

เคโต้ตัวละครที่ บรูซ ลี เคยได้รับบทเมื่อนานมาแล้วจนเป็นภาพจำของนักดูหนังรุ่นพ่อ  บทเคโต้ในภาคนี้เคยเกือบๆจะได้เป็นของดาวตลกคนดังแห่งเอเชียอย่าง โจวซิงฉือ ไปแล้วพ่วงด้วยตำแหน่งผู้กำกับ แต่สุดท้ายบทนี้ก็มาลงเอยที่ เจย์ โชว์ นักร้องนักแสดงขวัญใจสาวๆชาวใต้หวัน เรียกได้ว่าเป็นผลงานฮอลลี่วู๊ด เรื่องแรกของเขาก็ว่าได้ซึ่งทำได้ดีเลยทีเดียว   เคโต้ ของ บรูซ ลี และ เจย์ โชว์ มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยก็ว่าได้  โดยของลี  จะมาในมาดเด็กรับใช้ชายจีนผู้ซื่อสัตย์ มาพร้อมสุดยอดวิชากังฟู เป็นคนมีเหตุผลรอบคอบ บริทจะต้องปรึกษากับเรื่องแผนการต่างๆที่วางไว้กับเขา โดยเคโต้จะเป็นคนชี้จุดอ่อนจุดแข็งพร้อมเสนอแนะ    แต่เมื่อมาในเวอร์ชั่นของ เจย์ โชว์ มันต่างกันราวฟ้ากับเหวครับคุณผู้อ่าน  บริทรู้จักเขาตอนแรกด้วยเรื่องของกาแฟ ซึ่งเคโต้ชงถูกปากครับ   จากนั้นเคโต้ก็เริ่มโชว์พราวตั้งแต่รถยนตร์ติดอาวุธยัน ยุทโธปกรณ์ ต่างๆแบบจัดเต็ม  (ขี้อวดมากๆ)  ซึ่งในเวอร์ชั่นที่ลีแสดงไว้ไม่ได้มีบอกว่าอุปกรณ์ทั้งหมดนั้นใครเป็นประดิษฐ์  และที่ต่างจากของลีโดยสิ้นเชิงเห็นจะเป็นเรื่องความมีหัวจิตหัวใจที่จะดูเป็นปุถุชนคนธรรมดามากยิ่งขึ้น  ซึ่งความเป็นปุถุชนนี้นี่เองจึงจะนำไปสู่หัวข้อต่อไป

เมื่อคนธรรมดา(ที่รวย)เป็นฮีโร่ 

ฮีโร่หลายคนที่เรารู้จักพวกเขามักจะไม่ยอมให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลในการตัดสินใจ  แต่ไม่ใช่กับไอ้สองคนนี้ครับ   ถึงบริทจะเป็นคนเริ่มแนวคิดการออกปราบเหล่าร้าย แต่ความดีความชอบต่างๆนี่ต้องยกให้เคโต้นะครับ อุปกรณ์ต่างๆ ทักษะ กังฟู ที่ช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ แต่ในสายตาประชาชนตัวเคโต้เป็นเพียงแค่.. ลูกมือ....ลูกสมุน....คนขับรถของกรีนฮอร์เน็ท เท่านั้นเอง นี่แหละครับนำมาซึ่งความน้องใจเล็กๆของเคโต้ ด้วยนิสัยเอาต่อใจของบริทอีกที่กดหวใช้งานเคโต้ให้ทำเรืองต่างๆ แบบไม่ไว้น่ากันเลยก็มีหรอที่เฮียแกจะไม่ยั๊วะ     ตัวบริทเองก็ใช้ย่อยครับปัญหาระดับชาติที่เกิดในหนังเรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ชายทุกคนบนโลกครับ นั้นก็คือ 
เรื่องผู้หญิงนี่แหละครับ ... เฮ่อ    ต้องแนะนำให้รู้จักก่อนนะครับเธอคนนี้คือ เลนอว์ เคส (คาเมลอน ดิแอซ)  สาววัย30กว่าๆ ที่เข้ามาสมัครเป็นเลขาชั่วคราวของบริทที่ เดลี่ เซนติเนล แต่บริทเธอเข้าทำงานถาวรครับ (งูโผล่บนหัวตัวเบ่อเร่อ)  และนี่ล่ะครับ บริทก็ปิ๊ง เคโต้ ก็ปิ๊ง มันจึงเป็นเรื่องโดยทั้งสองไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรในเมือง L.A เลยจึงใช้เธอเป็นคนหาข้อมูลให้นี่แหละครับ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าไอ้สองนายนี่จะเอาข้อมูลของเธอไปใช้วางแผนท้าชนกับขาใหญ่ใน L.A.  เธอการเป็นคนวางแผนไปโดยปริยาย ผิดกับเวอร์ชั่นเมื่อปี 1966 ที่เป็นเหมือนตัวถ่วงที่สองนายต้องตามไปช่วยมากกว่า   บริท กับ เคโต้ ถึงกับต่อยกันบ้านแทบฟัง แน่นอนบริทโดนซัดเละครับแต่รอดมาได้เพราะเคโต้...ไม่สปอย 
นี่จึงแสดงให้เห็นว่าทั้งสอง ก็ยังเป็นคนธรรมดาอย่างเราๆนี่แหละครับ ยังมี รัก โลภ โกรธ หลง  ให้ได้เห็นเป็นส่วนที่ทำให้ผมชอบประเด็นนี้ว่าแบบทีฮีโร่ถึงจะตามแก้ปัญหาให้คนอื่นแต่ก็มีต้องปัญหาของตัวเองเหมือนกัน  ฮีโร่ถ้ามีจุดอ่อนคนก็ด่าว่าอ่อนแอ ฮีโร่ถ้าเก่งกาจทรงพลังคนก็ด่าว่าโอเวอร์เกินจริงเป็นหนังการ์ตูน  ฮีโร่ถ้ามีคุณธรรมสูงส่งขาวจัดคนดูก็จะว่าโลกสวย   ด้วยองค์ประกอบที่พูดมานี่เองครับ กรีนฮอร์เน็ทจึงมีความเป็นสีเทา  อยู่ในระดับที่ว่าไม่ดีเกินไม่เกรียนเกิน แต่ด้วยหนังมาโทนจริงจังจนน่าเครียด กรีน ฮอร์เน็ท และ เคโต้ ในเวอร์ชั่นนี้จึงต้องกลายเป็นเหมือนตัวตลกสำหรับคนดูไปด้วย เพื่อควมสนุกสนานเฮฮาของหนัง 



มาดูตัวร้ายกันบ้าง ...

"ชัคนอฟสกี้ " เป็นชื่อของวายร้ายคู่เกรียนต้องประมือด้วยในหนังตอนนี้ครับ  รับบท คริสตอฟ วอลซ์   ซึ่งอันที่จริงแล้วบทนี้เคยเกือบๆจะได้ดาราพระเอกรุ่นใหญ่อย่าง นิโคลัส เคจ มาแสดงแล้วนะครับแต่เฮียแกก็ดัน Say no จากโปรเจกต์นี้ไป แต่ก็ถือว่าดีครับเพราะถ้าหนังเข้ามาไทยคนดูอาจจะชอบตัวร้ายมากกว่าพระเอก ^^    ชัคนอฟสกี้ เป็นพ่อค้ายารายใหญ่ในลอสแองเจอลิสมีสมุนและลูกหาบมากมายครับแต่เขาต้อง วิกฤตชีวิตเมื่อแก๊งใหม่ๆเกิดขึ้นมาข้ามหน้าข้ามตาเขาโดนลบหลู่ทำให้เขาต้องล้างบางพวกเด็กรุ่นใหม่สร้างความยำเกรงในหมู่ลูกน้องอีกครั้ง ทุกอย่างไปด้วยสวยจนกระทั่ง กรีนฮอร์เน็ท โผล่มาเท่านั้นแหละครับ  มีลูกน้องของเขาจำนวนนึงมองว่า กรีนฮอร์เน็ท หน้ากลัวกว่าเขาเท่านั้นเฮียแกก็ฉุนขาดสั่งตามล่าเกรียนฮอร์เน็ทพร้อมคิดไปว่า คนกลัวกรีนฮอร์เน็ทเพราะมันใส่หน้ากาก เอาข้าจะใส่บ้าง 555 บ้างได้ใจ คริสตอฟ เล่นำได้เหี่ยมแต่ก็ยังแฝงความฮาปัญญาอ่อนเข้าด้วยลงตัวดีทีเดียว   แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าท่าให้เคจเล่นมันจะออกมาเป็นยังไงนะ 


หนังเปิดเรื่องมาให้เห็นความสัมพันธ์ของ บริท กับ พ่อของเขาต่อด้วยการแนะนำตัวร้ายพร้อมพาไปดูบริทในวัยหนุ่มที่ค่อนเสเพล จนตัดมาที่ฉากการตายของพ่อเขาที่ทำให้อารมณ์หนังดูโดดอยู่บ้าง จนการมาของเคโต้ ทั้งสองออกไปเกรียนด้วยกันช่วงนี้เล่าได้ฮามากๆ ฉากแอ็คชั่นไม่ถึงคั่นจัดเต็มแต่ก็ถือว่าเยอะสำหรับหนังโปรดั๊กชั่นเล็กไม่ได้อภิมหามากนัก (ตอนก็แปลกใจว่าทำไมถึงได้เข้าโรงบ้านเราด้วย)
ที่เป็นไฮไลท์คงฉากแอ็กชั่นของเคโต้ที่ ดูแล้วเพลินตากับการหยุดเวลาและอาละวาด ทำออกมาได้เท่เหมือนหนังการ์ตูน พล็อตของเรื่องไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่แต่ก็พอดูคลายเครียดได้หากไม่จริงจังเน้นเนื้อหา  มีแนวคิดและคติดีๆสอดแทรกเกี่ยวกับเรื่องมิตรภาพ ครอบครัว ฉาบไว้ออกจะบางๆไปหน่อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี  กรีนฮอร์เน็ทจึงจัด เป็น Action Comedy  ที่เหมาะจะดูกันทั้งครอบครัว 


6.9/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น