The Graduate พิษรักแรงสวาท (แต่ไม่อุจาด นะครัชแหม่ๆ)
เมื่อประมาณ4ปีก่อน(2552) มีหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องที่ชื่อ Watchnen ศึกซูเปอร์ฮีโร่พันธุ์มหากาฬ เข้าฉายในบ้านเราเป็นหนังที่เล่าเรื่องได้ถูกอกถูกใจผมมากและดนตรีประกอบที่ใช้เพลงจากยุค60เข้ากับตัวหนังได้อย่างลงตัว แล้วก็มีอยู่เพลงนึงในWatchmenฉากงานศพ ที่เข้ามากระทบโสตประสาทการได้ยินของผมแล้วเกิดอาการหลงไหลเพลงนี้ขึ้นมาในบัดดลครับ เพลงนี้มีชื่อว่า... ""
แต่งและขับร้องโดย พอล ไซม่อน และ อาร์ต การ์ฟังเกล
ผมหลงรักเพลงนี้โดยไม่รู้ตัวครับจนหาฟังใน youtube ไปเรื่อยๆจนกระทั้งเจอคลิปเกี่ยวกับ หนังที่ชื่อว่า "The graduate" ค้นไปค้นมาก็รู้มาว่าที่แท้เพลงนี้เคยเป็นซาวด์แทร็กของหนังเรื่องนี้มากก่อนครับ นี่แหละครับอยากดูเพราะเพลงเหมือนต้องมนต์อะไรอย่างงั้นเข้าจาก 2552-2556 ในที่สุดผมก็สามารถหาหนังเรื่องนี้มาเสพได้ในที่สุดครับ !
เปิดเรื่องมาด้วยชายหนุ่มคนหนึ่ง เพิ่งถึงสนามบิน ผู้ชมก็จะได้ยินเพลง Sound of Silence พร้อมขึ้นชื่อเรื่อง "The graduate" เบนจามิน แบรดด็อก (รับบทโดย ดัสตินฮอฟ แมน) หนุ่มหน้าตา(เกือบ)ดี ที่เพิ่งเรียนจบป.ตรี วัยเพียงยี่สิบเอ็ดปี เดินทางกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนหลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนมาอย่างบากบั่น โดยได้รับการต้อนรับขับสู้จากพ่อแม่พี่น้องเพื่อนบ้านคณาญาติมากมายครับ หลายคนตรงเข้ามาถาม เบน ถึงเรื่องของอนาคตครับว่าจะทำอะไรต่อไป ? ไหนจะชวนไปทำงานเกี่ยวกับพลาสติก บ้างก็จิกให้เขาไปเรียนต่อโท แต่พุทโธ่พุทถัง เขายังไม่มีเป้าหมายในอนาคตครับ หลังจากเรียนมานานจนความฝันในวัยเด็ก ปณิธาน ความตั้งใจต่างๆมลายสิ้น กัดกินความกระตือรือล้นในทุกๆด้านของเบน จนกระทั้งการมาถึงของ คุณนายโรบินสัน (รับบทโดย แอน แบนครอฟต์)
เพื่อนบ้านของพ่อแม่เขาที่เบนเคยรู้จักเมื่อสมัยเด็กๆ เธอบุกเดี่ยวเข้าห้องเบนพร้อมถามสารทุกสุขดิบ พร้อมหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ และลูบไล้เบนด้วยวาจาชวนสยิว ก่อนจะซิวตัวเบนให้พาไปส่งที่บ้าน เบนยืนกรานที่จะไม่ไปพร้อมให้กุญแจรถกับหล่อน แต่หล่อนก็ว่านล้อมจนเบนต้องยอมไปส่งจนได้ เมื่อถึงบ้านคุณนายโรบินสัน ก็เริ่มยั่วยวน เบนทั้งในทางกายและวาจาใจครับ เธอยังบอกอีกว่าสามีไม่อยู่บ้าน รีบๆหน่อย โอ้คุณพระ เบนของเราก็เป็นเด็กดีครับไม่เล่นด้วย
จนคุณโรบินสันคนสามีกลับมา พาให้เบนได้พ้นภัยจากคุณนายโรบินสัน คุณโรบินสันได้บอกเบนว่าตัวเองน่ะแก่แล้วแต่เบนนี่สิยังหนุ่มยังแน่นควรรีบเสพความสุขเสเพลให้มากแก่แล้วจะไม่ได้ทำ (ดูเขาสอนสิครับแนวคิดของคนอเมริกันสุดโต่งมากๆ) เบนก็ลักจำมาปรับใช้กับชีวิต เรื่อยๆเปื่อยไปวันๆอย่างไร้จุดหมายจนวันนึงเบนก็เกิด ความต้องการทางเพศขึ้นมาครับ ! และคนที่เขาไปขอความช่วยเหลือก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณนายโรบินสัน นั่นเองงงงงง โดยทั้งคู่มักจะไปนัดเจอกันที่โรงแรมที่เบนได้ไปเปิดห้องนอนเดี่ยวไว้ทุกคืนครับ กลัวคนสงสัย ใช้ชื่อปลอม จองห้องเดี่ยว
มาบ่อยจนพนักงานโรงแรมจำได้นะครัชแหม่ๆ |
อีเลน |
ทำไมต้องเรื่องนี้ ?
ต้องบอกก่อนว่าไม่รู้ข้อมูลอะไรหรือมีใครชักจูงให้ดูหนังเรื่องนี้นะหรอกครับ แค่ตามเสียงเพลงมาเท่านั้นเอง^^ แล้วก็เจอเข้ากับของดีครับ ดั้งเดิมหนังเรื่องนี้เป็นนิยายงานเขียนโดย ชาร์ลส เว็บบ์ และถูกดัดแปลงและนำมากำกับโดย ไมค์ นิคโคลส์ หนังมาในรูปแบบหนังโรแมนติคดราม่าธรรมดาๆทุนสร้างไม่ได้สูงหรืออลังการอะไรมากครับแต่บัดนี้กลายเป็นงานคลาสสิคขึ้นหิ้งไปแล้วแถมยังส่งให้พระเอก จมูกโตโนเนม อย่าง ดัสติน ฮอฟแมน ขึ้นเป็นดาราชั้นแนวหน้าของฮอลลี่วู๊ดในเวลานั้นเลยทีเดียว ตอนหาเรื่องนี้มาดูแค่อ่านเรื่องย่อเหมือนที่เขียนไว้ข้างบนก็อยากจะดูแล้วครับว่าหนังมันจะจบแบบไหน ? ยังไง ? พระเอกนี่ร้ายมั๊กๆทำแบบนั้นได้ยังไงได้แม่แล้วยังจะเอาลูกเขาด้วย แต่พอได้ลองเสพดูแล้วก็รู้ครับว่าทุกอย่างมันมีที่มาของเรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นยังไง เริ่มด้วยว่าเบนเขาจบป.ตรีมาจากที่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียวจนติดเกียรตินิยมมันน่าชื่นชมแต่พี่แกไม่เคยคิดถึงอนาคตเลยครับว่าจะทำอะไรต่อไปหลังเรียนจบมาแล้วก็ไร้จุดหมายในชีวิตใครๆถามเขาว่าจะไปทำอะไรเฮียแกก็ตอบไม่ได้ว่าจะไปทำอะไร จนกระทั้งมาเจอพวกบ้านโรบินสัน คนผัวสอนให้รู้จักผ่อนคลาย คนเมียก็ชวนเล่นกีฬาในร่ม เบนก็เลยเสียศูนย์ครับใช้ชีวิตเรื่อยๆเปื่อยๆ ไม่คิดหางานหาการทำ จนพ่อเขาถามว่า"นี้เอ็งกำลังทำอะไรอยู่"
เบนก็ตอบไปว่า "นอนแช่น้ำอยู่ฮะ สบายดีจะตายไป" ที่เขาถามว่าทำอะไรอยู่นี่หมายถึง"เมื่อไหร่เอ็งจะไปทำอะไรอย่างอื่นบ้างต่างหากครับ" จนกระทั่งอีเลน ลูกสาวของคุณนายโรบินสันมาถึง ทางบ้านของเบนก็เชียร์ครับจีบๆเลยนัดแนะให้ไปเที่ยวกัน เบนก็ต้องมานั่งแก้ตัวกับคุณนายโรบินสันครับว่าจะไม่ยุ่งลูกของป้าแค่พาไปเที่ยวเฉยๆ แต่พอทั้งคู่ออกไปเที่ยว เบนทำตัวไม่สุภาพหลายอย่างครับเพื่อไม่ให้อีเลนมีใจให้ แต่พอทั้งคู่ได้เริ่มคุยกัน และเบนเลิกวางท่าเสเพลเปิดใจรับเขาก็พบว่า อีเลนก็ไม่ต่างอะไรจากเขาครับ บัณฑิตจบใหม่ไร้จุดหมายในชีวิต ทำให้ทั้งสองเขาใจกันและกัน ตกหลุมรักชั่วข้ามคืนครับ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ ฮึๆ อยากรู้ว่าทำไมไปดูกันเอาเอง แต่ที่แน่ๆมันทำให้ผมคิดนะครับว่าอนาคตเราจะเป็นอะไร ? ที่แน่ๆคงไม่ว่างไปวันๆเหมือนเบนหรอกครับ สังคมบ้านเราเดี๋ยวนี้ กับ สังคมอเมริกันยุคก่อนมันต่างกันมากๆ อย่าเพิ่งไปฝันถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงดีกว่าครับอยู่กับปัจจุบันเพื่ออนาคตที่ดี จะดีกว่า ถึงแม้บางทีผมจะเริ่มรู้สึกว่าอนาคตเริ่มจะริบหรี่ลงแล้วแต่พอได้ดูหนังเรื่องนี้มันทำให้เรามีแรงฮึดขึ้นมาครับว่า การจะทำอะไรสักอย่างนึงเนี่ยมัวแต่นั่งคิดนั่งพูดมันก็ไม่เป็นรูปเป็นร่าง มีแต่จะต้องลงมือทำเท่านั้น แล้วไหนยังจะเรื่องที่เป็นทีมหลักของหนังว่าด้วยความ"รัก"อีก หนังเรื่องนี้นำเสนอความรักในหลายรูปแบบครับ ครอบครัว กับ ชู้สาว ซึ่งหนักที่อย่างหลังมากกว่านะครับแหม่ๆ ก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมพระเอกนางเอกถึงรักกันง่ายอย่างนั้น แค่ว่าเข้าใจหัวอกเดียวกันหรือยังไงก็ไม่ทราบแต่ดูแล้วมันก็เป็นอะไรที่น่ารักดีครับ เบนยอมทำทุกๆอย่างเพื่อให้ได้อยู่เคียงอีเลน มันซับซ้อนจนผมขี้เกียจอธิบายเลยทีเดียวส่วน
ที่ว่าไปได้เสียกับคุณนายโรบินสันเห็นที่จะเป็นเรื่องของฮอร์โมน นะครับเมื่อเบนมีความต้องการ และคุณป้าก็พร้อมสนอง
หนังเรื่องนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจดีๆเรื่องนึง เกี่ยวกับเรื่องการรู้จักใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่า มีคุณค่าทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง เพื่อโยชน์สุขของคนในสังคมครับ หนังธรรมดาๆ ที่ มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด ที่ผมเขียนๆมาอาจจะเป็นแค่เพียงส่วนยิบย่อยของหนังเรื่องนี้เองก็ว่าได้ครับมันยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมายในหนังเรื่อง The Graduate
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น