วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Misery (มิสเซอรี่) อ่านแล้วคลั่ง !

Misery (มิสเซอรี่) อ่านแล้วคลั่ง !  ผลงานจากปลายปากกาของ สตีเฟ่น คิง

                              

ภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่องนี้ดัดแปลงจาก งานเขียนชื่อเดียวกันของเจ้าพ่อนิยายสยองขวัญอย่าง สตี เฟ่นคิง   
มิสเซอรี่ ฉบับนิยายแปลไทย เคยใช้ชื่อเรื่องว่า "ระทึก"

เรื่องมันมีอยู่ว่า...

พอล เชลด่อน
พอล เชลด่อน (เจมส์ คานส์) นักนิยายชื่อดังซึ่งสร้างชื่อจากผลงานนิยายชุดเรื่อง "มิสเซอรี่" คิดจะวางมือจากงานเขียนนิยายชุดเรื่องนี้ โดยต้นฉบับล่าสุดที่เขาเพิ่งเขียนเสร็จแล้วกำลังจะส่งไปสำนักพิมพ์นั้นเขาได้เขียนให้ "มิสเซอรี่" นางเอกของเรื่องต้องตายตอนคลอดลูก (คือกะว่าจะปิดตำนานโดยไม่ให้ได้มีภาคต่อกันเลยทีเดียว) พิมพ์เสร็จ พอลก็เก็บข้าวเก็บของออกจากบ้านพักตากอากาศเตรียมตัวจะไปส่งต้นฉบับ เขาขับรถฝ่าไปในพายุหิมะที่อยู่ๆก็โหมกระหน่ำมาโดยบังเอิญจนเกิดอุบัติเหตุรถเสียหลักลงข้างทางแล้วนอนหงาย    พอลนายตายแน่ๆ แต่ดั่งฟ้ามาโปรดครับ อยู่ๆก็มีคนร่างใหญ่ใจดีพร้อมขวานปรากฎตัวขึ้นงัดประตูรถและแบกพอลกลับบ้าน  แล้วพวกเราคนดูก็จะทราบในภายหลังครับว่าพอลของเราขาหัก แต่ "เธอ" คนนี้ที่แบกพอลกลับบ้านพร้อมทำการพยาบาลให้เสร็จสรรพนั้นมีชื่อว่า แอนนี่ วิลเกส (แคที่ เบสท์)  โดยเธอได้แนะนำตัวกับ

พอลว่าเธอเป็นแฟนหมายเลขหนึ่งของเขาเลยทีเดียว เธอตามอ่านนิยายของเขาแทบจะทุกเล่มเลยก็ว่าได้ นั้นทำให้พอลรู้สึกปลื้มปิติยินดีอยู่ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นแอนนี่ก็ถามถึงต้นฉบับที่เธอเก็บมาจากรถของเขาว่าจะขอลองอ่านได้ไหม พอลเลยตัดสินใจว่าไหนๆเธอก็ช่วยเราไว้ตอบแทนเธอบ้างจะเป็นอะไรไป  เธอเลยได้อ่านต้นฉบับนิยายเรื่องนี้ก่อนใครเพื่อนเลยครับแล้วปัญหาต่างๆก็ตามมาครับ...    แล้วมาวันอยู่มาวันนึง แอนนี่ก็เดินตึงตังเข้ามาในห้อง เธอบอกว่าเริ่มอ่านไปได้นิดหน่อยแล้ว เธอกล่าวเยินยอพอลว่านิยายเรื่องนี้สนุกมากๆแต่การใช้ภาษาพูดขอตัวละครที่ดูไม่สุภาพเท่าที่ควรจะเป็น พอลก็อธิบายว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นในสลัมบทสนทนาแบบนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ  แต่แอนนี่ก็ไม่พอใจ เอะอะโวยวายด่าว่าพอลเป็นการใหญ่เลย พร้อมขอโทษไปด้วยในตัว จนถึงตอนนี้พอลก็เริ่มจะตะหงิดๆอยากกลับบ้านแล้วครับ เลยขอแอนนี่โทรศัพท์แต่เธอบอกว่าสัญญาณถูกตัดขาดเนื่องจากพายุหิมะ พอลก็เซ็งสิครับงานนี้ทำอะไรไม่ได้นอนอยู่บนเตียงกินๆนอนๆอยู่อย่างนั้นแถมยังต้องมาคอยรองรับอารมณ์ ของแอนนี่ที่คุ้มดีคุ้มร้าย หลังจากอ่านนิยายมาอีก ถ้าบทไหนดี เธอก็สุดแสนจะเฟรนลี่ แต่ถ้าบทไหนไม่เข้าตาเธอละก็ พอลต้องทนนอนฟังดรามาสตอรี่จากเธอเป็นชุดครับ   ในคืนวันหนึ่งหลังอาหารค่ำแอนนี่บอกกับพอลว่าเธออ่านถึงบทสุดท้ายแล้วลุ้นสุดใจขาดดิ้นเลยว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร (ซึ่งคุณผู้อ่านและผมก็น่าจะรู้ๆกันดีจากที่เกริ่นนำในช่วงต้นมาแล้วนะครับ) เธอก็วิ่งหลุนๆลงไปอ่านในบัดดล    




และในคืนนั้นเอง..... แอนนี่ขึ้นมาที่ห้องของพอลพร้อมระเบิดคำด่าทอว่าร้ายสาปแช่งปานจะกินเลือดกินเนื้อใส่พอลครับ ว่าเขามันเป็นฆาตกรที่ทำให้นางเอกในนิยายของเธอต้องตายตอนคลอดลูก  พอลก็ต้องอธิบายสิครับแต่แอนนี่ไม่อยู่ในสถานะที่จะรับฟังเธออาละวาดทำลายข้าวของ สร้างความตกอกตกใจให้พอลเป็นอย่างมาก ก่อนจะหายแวบไปที่ประตูพร้อมกลับมาในวันรุ่งขึ้นเธอจัดการเผาต้นฉบับทิ้ง ซ้ำยังบังคับให้พอลเขียนขึ้นใหม่โดยลงทุนไปซื้อกระดาษกับ พิมพ์ดีดมาให้ใช้เลยทีเดียว พอลไม่อยู่ในฐานะที่จะขัดขืนแอนนี่ได้เลยด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้ บทสรุปจะเป็นยังไง พอลจะรอดจากเงื้อมมือของ เจ๊แอนนี่ ผู้นี้ได้หรือไม่ ? แล้วเจ๊อ้วนคนนี้เธอเป็นใคร ไปหาดูในกูเกิลนะครับ รู้สึกว่าจะมีให้ดูในเว็บ MTHAI  


ชื่อหนังสือว่า "ระทึก" หนังก็ "ระทึก"ไม่แพ้กัน

หนังเรื่องนี้ตอนผมเห็นครั้งแรกก็โปสเตอร์ด้านบนนี้แหละครับ ก็เริ่มตีความว่าเรื่องนี้มันหนังผีแน่ๆ แต่ไม่ใช่ครับ ผมเพิ่งจะมาแยกแยะได้เมื่อไม่นานมานี้เองว่า สยองขวัญ  กับ ระทึกขวัญ มันต่างกันยังไง  หนังเปิดเรื่องมาด้วยอารมณ์ที่เนิบนาบครับ ก่อนจะช็อกคนดูด้วยอุบัติเหตุของพอล และนำเราไปพบกับแอนนี่ พยาบาลที่ดู"ท่าทาง"จะใจดี โดยที่ตัวเอกของเรื่องได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้งสองข้างทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ยอย่างอิสระต้องนอนอยู่บนเตียงเท่านั้นรอแอนนี่เข้ามาเซอวิสในห้อง บางทีมาดีบางทีมาร้ายขึ้นๆลงๆคนดูก็จะลุ้นแทนพอลเลยครับว่า อุ้ยๆเจ๊แกเขามาอีกแล้วคราวนี้จะทำอะไรกับพอลอีกบ้าง เริ่มจากพังข้าวของ หนักขึ้น เรื่อยๆ ก็มี ค้อน บ้าง ปืน หน่อย ปืน! นั้นมันไม่หน่อยแล้ว กักขังหน่วงเหนี่ยวแถมยังใช้กำลังน่ากลัวเป็นที่สุดครับ  โดยฉากการเผชิญหน้ากันของพอลกับแอนนี่เป็นอะไรที่ระทึกและน่าอึดอัดสุดๆ  เพราะคนดูจะไม่มีทางรู้เลยว่าแอนนี่จะมาไม้ไหนกันแน่  แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้โฟกัสอยู่ที่ พอล อย่างเดียวนะครับ ก็แน่นนอนนักเขียนชื่อดังหายไปจากบ้านพักตากอากาศแถวนั้นทั้งทคน ก็ต้องมีการตามหาสิครับ แต่คงยากหน่
อยนะ ฮึๆ  โดยหน้าที่นี้เป็นของนายอำเภอประจำเมืองวัยดึกท่านหนึ่ง หนังจึงตัดสลับระหว่างเรื่องของพอล กับ การสืบสวนหาตัวเขาของนายอำเภอ เพื่อใหคนดูได้ผ่อนคลายจากความอึดอัดที่ตัวเองต้องอยู่ในพื้นที่บริเวณจำกัดเกือบทั้งเรื่อง  แต่เมื่อพอลปลดล็อคไอเท็ม "รถเข็น" มาจากแอนนี่แล้ว พอลพยายามจะหนีหลายต่อหลายครั้งในช่วงที่แอนนี่ไม่อยู่บ้านแต่สาวเจ้าก็ล็อคบ้านไว้เป็นอย่างดี เมื่อเป็นอย่างนี้พอลก็ต้องวนเวียนไปมาอยู่ในบ้านด้วยอารมณ์เอื่อมระอา แต่ก็จะทำให้คนดูค่อยๆรับรู้ภูมิหลังของตัวแอนนี่มากขึ้นไปด้วยจากการค้นบ้านของพอล  และที่เล่นซะผมหายใจไม่ทั่วท้องก็คือฉากที่แอนนี้กลับบ้านมาในตอนนั้น พอลจะต้องรับตะเกียตตะกายขึ้นรถเข็นกลับเข้าห้องเพื่อมาให้ถูกจับได้ว่าหนีออกมาโดยทีเธอไม่รู้ตัว          


ทิ้งท้ายกันหน่อย  ...

หนังเรื่องนี้เป็นความบันเทิงอย่างเยี่ยมเลยครับสำหรับคนที่ชอบหนังแนวระทึกขวัญไล่ฆ่าแต่ไม่ถึงกับโหดซาดิสเลือดท่วมจอ  ดาราจัดเต็มก็ต้องยกให้เธอครับ  แคธี เบสท์ เป็นคุณป้าน่ารักใจดีในหลายๆเรื่องที่ผ่านตาผมมา แต่กับเรื่องนี้ เธอเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่ไม่มีหน้าปัดเตือนครับว่าจะระเบิดเมื่อไหร่เวลาไหนให้คนดูระทึกเล่น ยิ่งตอนแกแหกปากโวยวายนี่น่ากลัวมากๆครับเป็นคนละคนกับตอนใจดีเลยทีเดียว  ดูเสียงซาวด์แทรคได้อารมณ์มากๆครับไม่รู้ว่าพากย์ไทยต้นฉบับเรื่องนี้เป็นยังไงสงสัยต้องหามาลองครับอารมณ์จะถึงซาวด์แทรคไหม   เจมส์ คานส์   ดูไม่ค่อยจะเหมาะสักเท่าไหร่ครับกับบทนักเขียนนิยายสำหรับสาวๆดูหน้าสิอย่างกะมาเฟียหรือพวกพระเอกนักบู๊ แต่การแสดงก็ยังถือว่าสอบผ่านครับ เพราะตัวพอลในเรื่องจะต้องแสดงตบตาแอนนี่และขอความเมตตาจากเธอตลอดแต่ลับหลังนี้ Fนck  Sh1t จัดเต็มกันเลยทีเดียว     เชื่อว่าหลายคนคงเคยเป็นกันนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง หรือ อ่านนิยาย หรือ เล่นเกมส์ อะไรพวกนี้แล้วรู้สึกว่าตอนจบมัน... ไม่ใช่อะ  ไม่โดนอะ  จบไม่สวยอะ   จบสวยเกินไป  อะไรเทือกนี้แล้วเราจะเสนอแนวคิดให้คนข้างๆฟังว่าเฮ้ยๆมันน่าจะจบอย่างนี้มันน่าจะเป็นอย่างนี้ เชื่อครับวาคุณผู้อ่านบางท่านต้องเคยเป็นแน่นอน แต่ลองคิดดูครับเราไม่ใช่ผู้ประพันธ์เนื้องานเหล่านั้นเลย สิ่งที่เราทำได้ก็แค่รับเอาสาระและความบันเทิงจากสื่อนั้นๆมันเพื่อจรรโลงจิตจรรโลงใจเท่านั้น ไม่ว่าตอนจบหรือบทสรุปจะเป็นยังไงอย่างน้อยมันก็จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนดูครับ   สมมุติว่าผมอยากจะอ่าน Harry potter เล่ม8 นี่ผมไม่ต้องไปจับ j.k. rowling มาขังไว้ที่บ้านแล้วบังคับให้เขียนเลยหรอครับ ฮาๆๆๆ ว่าไปนั้น     Misery (มิสเซอรี่) อ่านแล้วคลั่ง   เป็นหนังที่ถูกปากผมเรื่องนึงในช่วงปีนี้เลยครับ 



                              คะแนน 7.7/10

    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น