Shaun of the Dead รุ่งอรุณแห่งความวายป่วง
ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ผมเป็นคนกลัวหนัง "ซอมบี้" เอามากๆกลัวจนขี้ขึ้นสมองเลยก็ว่าได้ ตอนเด็กๆเวลามีข่าวไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรืออะไรระบาดขึ้นมานี่แบบว่า แทบจะไม่เป็นอันกินอันนอนไม่กล้าออกจากบ้านเลย แล้วยังโฆษณาหนังโรงอย่าง 28 Week later ที่ชอบปล่อยฉายตอนดึกๆอีกต้องคอยกดหนีเปลี่ยนช่องทุกครั้งไป และยังแผงขายหนังในเซเว่นที่ชอบเอาหนัง ซอมบี้มาวางขายเดินผ่านที่ไรใจมันหวิวๆทุกทีสินะ อาการโรคกลัวซอมบี้ของผมนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อปี 2003 มันเป็นคืนวันเสาร์ Big cinema โปรแกรมเพรชหนังพันล้านเขานำเสนอ
Resident Evil ผีชีวะ ด้วยเห็นว่าเปิดเรื่องมาเป็นหนังแอ็คชั่นสู้กับอะไรประมาณนั้นแต่ คุณเอ๋ย พอซอมบี้ตัวแรกโผล่มาเท่านั้นแหละ ภาพมันติดตาครับ โดนกัดไปคนนึงแล้วมันก็โผล่มาอีกเป็นโขลงลากไปนั่งรับประทานกัน แต่ผมก็ยังหน้าด้านดูจนจบแบบปิดตาบ้างเปิดตาบ้าง หนังภาคนี้ยอมรับเลยครับว่ามันสยองและสนุกมากๆตอนจบก็หดหู่สุดๆ ภาคหลังตั้งแต่4เป็นต้นไปกลายเป็นหนังยอดมนุษย์เด็กดูไปเลย และในคืนนั้นพอผมเข้านอน ผมก็ฝันร้ายครับมันเป็น Nightmare ที่น่ากล้วมากๆเกี่ยวกับซอมบี้ผมจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว แต่นอนไม่หลับเลยทีเดียว ต้องลุกขึ้นมาเปิดกิงกะแมนนอนดู ถึงจะหลับพอรุ่งเช้าพี่ชายผมก็ชวนพูดถึงหนังเรื่องนี้ว่าสร้างมาจาก"เกมส์" และท่านพี่ได้ไปหาซื้อมาเล่นเป็นที่เรียบร้อย(PS1) โอ้พระสงฆ์ เวลาแกเล่นก็จะออกจากพื้นที่นั้นโดยด่วนเลยทีเดียวแต่แกก็ไม่วายเปิดเสียงดังๆให้เสียงซอมบี้มากระทบโสตประสาทเราจนได้
แต่แล้วความกลัวในซอมบี้ของผมก็มลายหายไปต้องขอขอบคุณหนังเรื่อง2เรื่องด้วยกัน 1. Zombie Land ที่ทำให้ผมได้เอาความกลัวมาเล่นเป็นเรื่องตลกและอีกเรื่อง ก็คงจะหนีไม่พ้น Shaun of the Dead
ชอน หนุ่มพนักงานร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าวัยย่าง30กำลังมีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตคู่กับแฟนสาว ลิซ ที่เขาไม่ค่อยจะมีเวลาให้เพราะเนื่องจากเขามักจะคลุกอยู่กับ เอ็ด เพื่อนอ้วนจอมแสบที่แอบค้ากัญชาหารายได้เป็นบางครั้ง คอยกวนการใช้ชีวิตเขาตลอด จนลิซต้องขอเลิกกับเขา แล้วก็"ผีซ้ำด้ำพลอย"เหมือนที่ในหนังว่าไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นกรุงลอนดอนเต็มไปด้วยซอมบี้ หลังจากที่ส่างเมาแล้วสองสหายและฟัดกับซอมบี้ที่สวนหลังบ้านไปสองตัว ชอนกังวลถึงความปลอดภัยของแม่และลิซ เขาเลยวางแผนจะไปนำทั้งสองมาไว้ที่บ้านของเขาแล้วนั่งจิบชากัน แต่ มันไม่ปลอดภัย เพราะซอมบี้ทำบ้านเละเทะหมดแล้ว แผน B คือพาแม่ไปรอเรื่องราวสงบที่บ้านลิซ(อพาร์ทเมนท์)แล้วนั่งจิบชากัน แต่ เอ็ดไม่อยากไปเพราะเขาไม่คุ้นเคย ถ้าจะไปเขาขอไปที่ๆ คุ้นเคยและ สูบบุหรี่ ได้ เรื่องมากจริงนะอ้วนเอ๊ย จึงทำให้เกิดแผน C ขึ้น พวกจะรับทุกคนและมุ่งหน้าไปยังบาร์ "วินเชตเตอร์"บาร์ประจำของพวกเขา แล้วปฎิบัติการฆ่าตัวตายก็เริ่มต้นขึ้น
"รุ่งอรุณแห่งความวายป่วง" ชื่่อไทยมันมาคล้องกับหนังที่ออกไล่ๆกันอย่าง "รุ่งอรุณแห่งความตาย" ตอนนั้นเลยคิดเอาเองว่ามันคงเป็นหนังตลกล้อเลียนแน่ๆเลย แต่พอได้มาสัมผัสแล้วมันไม่ใช่น่ะสิครับ Shaun of the Dead จัดอยู่ใน The Cornetto Trilogy ซึ่งจะประกอบไปด้วยหนังอีกสองเรื่องคือ Hot Fuzz และ The World's End (ซึ่งต้องมีรีวิวถึงแน่ในโพสต่อๆไป) ของผู้กำกับหนุ่ม เอ็ดการ์ ไรท์ ที่ตอนนั้นยังโนเนมอยู่เลย ณ ตอนนั้น แต่พอหนังได้เข้าฉายก็ประสบความสำเร็จเกินที่คาดหวังกันไว้อย่างไม่หน้าเชื่อครับ ส่งให้สองดารานำ อย่าง ไซม่อน เพ็ก และ นิค ฟรอส ไปแจ้งเกิดในฮอลลี่วู๊ดทั้งสองคนเลย
หนังเรื่องนี้ เอากฎของหนังซอมบี้ในแบบฉบับของ จอร์ท เอ.โรเมโล่ (เจ้าพ่อหนังซอมบี้ยุค60)มาล้อเล่นแบบคาระวะอย่างมีชั้นเชิงเป็นงานตลกที่ไม่ใช่ Dirty Joker แบบในหนังอย่างอเมริกันอย่าง Scary movie ที่หยิบนู่นนี่มาล้อเลียนกันโต้งๆแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เป็นงานตลกที่มีความเมโรดราม่าในตัว เพราะมันมีแนวทางเรื่องราวเป็นของตัวเองไม่ได้ไปก็อปหรือรีเมคหนังเรื่องไหน แถมหนังยังแสดงให้เห็นด้วยตัวละครในเรื่องเป็นเพียงกลุ่มคนธรรมดาไม่ใช่นักล่าซอมบี้ การกระทำบางอย่างเลยดูไม่ฉลาดเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าซอมบี้ มันทั้งสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมบางกลุ่มขณะเดียวกันสร้างความผวาให้ผู้ชมบางกลุ่มไปด้วย ในคณะผู้ลี้ภัยของชอนทุกคนเป็นเหมือนตัวสะท้อนผู้ชม ให้เราได้ลองมองดูตัวเองว่าเราเห็นด้วยกับความคิดของใครในกลุ่นนี้ที่สุด และนั้นคือตัวเราเองในหนังเรื่องนี้
มันใช่ว่าจะฮากันทั้งเรื่องยิ่งตอนท้ายๆหนังถึงจุดแตกหักที่ทั้งเครียดทั้งกดดัน และมีการสูญเสียเยอะมาก แต่ลงท้ายจบได้อย่างไรอันนี้ไม่ขอบอก มิตรภาพระหว่างเพื่อน ความรักของบุพการีที่มีต่อบุตร และยังรักแท้ที่ไม่แพ้ซอมบี้ ที่มาพร้อมกับ คอมเมดี้ ที่กวนเข้ากันได้อย่างลงตัว อาจจะดูรุนแรงไปนิดในฉากพิฆาตซอมบี้แต่มันก็เหมาะจะเป็นหนังที่ดูร่วมกันทั้งครอบครัว เรื่องนักแสดงจัดได้ว่าหายห่วงดาราจากเกาะอังกฤษบางคนในเรื่องถ้าคุณตามซีรีย์หรือหนังจากฝั่งอังกฤษมาเยอะก็อาจจะผ่านตาผลงานของพวกเขามาบ้างก็ได้ ใครที่ดูจบแล้วอาจจะสมัครเป็นแฟนคลับ ไซม่อน เพ็ก เลยก็มี(ผมนี่แหละ) ยิ่งพากย์ไทยของหนังเรื่องนี้เป็นทีมพากย์ช่อง7 เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วมาพากย์ น้าต๋อย เซเบ้ พากย์เป็นชอนได้อย่างเข้าถึงบทบาทจะเล่นก็เล่นจะร้องก็ร้องได้ ไม่ยิงมุขหรือใส่บทพูดตลกโปกฮาจนหน้าหนังเลอะเทอะเกินไปกล่มกล่อมกำลังดี หยิบมาดูกี่ทีก็ฮา
มันทำให้ผมเลิกกลัวหนังซอมบี้ได้อย่างหายขาดเลยทีเดียวเชียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น