วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

The 6th day วันล่าคนเหล็กอหังการ





"คนเหล็ก" ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของชายคนนี้โดยแท้




"พระเจ้าใช่เวลาสร้างโลกใน7วัน และ ในวันที่6พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์"   แล้ววันที่6มกราคม2557 ผมก็ได้ดูหนังเรื่อง The 6th day   ที่คอหนังเก่าหลายคนคงจะคุ้นเคยกับอดีตท่านผู้ว่าการรัฐแคลิฟอเนียท่านนี้ Arnold Schwarzenegger ในบท Adam Gibson หนุ่มใหญ่รักครอบครัวเจ้าของธุรกิจทัวร์กรุ๊ป ที่พบว่าตัวเขาเองถูก"โคลนนิ่ง"โดยเหล่าองค์กรลึกลับที่อยู่เบื้องหลังและหมายสังหารเขาทิ้งซะ แต่ทำไม? มันจึงต้องทำอย่างนี้ด้วย อดัม จึงต้องค้นหาความจริงเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวนี้ พร้อมงัดความสามารถในการรบจากที่เคยผ่านสงครามกลับมาใช้ เพื่อทวงชีวิตเขากลับคืนมา  



 การ  cloning หมายถึง กระบวนการผลิตประชากรที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกันซึ่งเกิดขึ้นในธรรมชาติเมื่อสิ่งมีชีวิต    โดนหนังเล่าเปิดด้วยการพูดถึง การโคลนนิ่ง แกะดอลลี่ได้สำเร็จ จนสามารถต่อยอดได้ ไปจนถึงโคลนสัตว์เลี้ยง แล้วก็มนุษย์ ! แต่มันถือเป็นเรื่องผิดมนุษยธรรม จนทำให้กลุ่มคนคลั่งศาสนาออกมาต่อต้านเรื่องนี้จนโครงการ โคลนนิ่งมนุษย์เป็นต้องล้มพับเก็บไปพร้อมทำลายเหล่ามนุษย์โคลนทิ้งแต่... มันมีอะไรมากกว่านั้นนะสิครับ    ตัวอดัมพระเอกของเรื่องมองการโคลนนิ่งเป็นสิ่งน่าขยะแขยง ในวันเกิดของเขานั้นเขาพบว่าหมาของเขาที่ชื่อโอลิเวอร์ป่วยด้วยโรคประหลาดเมียเขาจึงอยากเขานำมันไป "repet" เป็นชื่อของคลีนิครับโคลนนิ่งสัตว์ใกล้ตายที่กำลังเป็นที่นิยมเพื่อจะได้ไม่ทำให้ลูกสาวต้องเสียใจ เขาถึงกับส่ายหน้าและห้ามเมีย   เนื่องด้วยเขาไม่ไว้ใจสิ่งมีชีวิตโคลนกลัวว่ามันจะเป็นอันตรายต่อลูกสาว แต่ถ้าใครที่ทราบบทสรุปของหนังเรื่องนี้แล้วน่าจะเข้าใจนะครับว่าความคิดของอดัมที่มีต่อ"โคลน"ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง   พูดถึงตรงนี้แล้วก็อดนึกถึงหนังเรื่อง pet sematary (กลับมาจากป่าช้า)ไม่ได้จริงๆในประเด็นที่เกี่ยวกับการสูญเสียสัตว์เลี้ยงแล้วก็คนรัก
Dr.กริฟฟิน

 อีกตัวละครนึงของเรื่องที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือด็อกเตอร์ กิฟฟิน (Robert Duvall) นักวิทยาศาสตร์ของเรื่องที่เขามีภรรยาแคทเธอรีน ที่ป่วยหนักแต่เขาใช้การโคลนสร้างเธอใหม่ทุกครั้งที่เธอจากไปรวมด้วยกัน5ครั้งแต่แคทเธอรีนก็ต้องตายจากเขาไปด้วยโรคที่ว่านั่นอยู่ร่ำไปจนในท้ายที่สุดก่อนเธอจะตายเธอได้บอกกลับกริฟฟินเองว่าเธอรู้สึกว่าเธออยู่มานานเกินพอแล้ว"บางทีการได้ตายจริงๆอาจจะเป็นความสุขที่แท้จริงกว่าการมีชีวิตก็ได้"เพราะการโคลนในหนังเรื่องนี้มันสามารถลอกเลียนความทรงจำแก้ไขหรือลบได้ด้วยครับเธอถึงรู้ตัวมาตลอดว่าตันเองเป็นโคลน   เสียดายครับที่หนังนำเสนอประเด็นนี้น้อยไปหน่อยแต่ก็เป็นดราม่าเล็กๆให้หนังได้ดูมีระดับขึ้นมาบ้าง  การโคลนแบบหนังเรื่องนี้สะดวกและรวดเร็วจนน่ากลัวเลยใช่เวลาเพียงแค่2ชั่วโมงเท่านั้นเองครับ    แต่ก็ยังโอเคกว่า pet sematary ที่เอาไปฝังแล้วได้อย่างอื่นที่ไม่ใช่คนกลับมา  สยอง "จุงเบย"





ชำแหละครับชำแหละ   


  หนังมาในพร้อมสูตรสำเร็จแบบหนังบู๊ยุค80ครับ พระเอกหนุ่ม(เหลือน้อยลงทุกที)ต้องเขาไปพัวพันกับองค์กรลับหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันและมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะจัดการได้(ทุกทีสินะ)ประมาณนั้นแหละครับ แต่กับการใส่ประเด็นโคลนนิ่งลงไปทำให้มันดูมีสีสันมายิ่งขึ้นคล้ายกับ Total recall ที่ลุงอานี่ แกเคยเล่นไว้นะครับโดนหนังจะพยายามเล่นกับความเชื่อของคนดูว่าตกลงอันไหนจริงอันไหนหลอกซึ่งได้ผลในระดับนึงครับและทำให้หนังชวนติดตามท่า แต่สำหรับคอหนังบู๊ที่เลือกหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเสพหมายจะนอนดูฉากแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญล่ะก็คงจะต้องทำใจนิดนึง ผมว่ามันไม่ได้ถึงกับแย่นะกำลังดีเลยไม่แบบว่าไม่ได้ฆ่าคนที่เป็นร้อยๆคนเหมือนหนังเรื่องก่อนๆของลุงแก แต่ฆ่าเพื่อเอาตัวรอดอะไรประมาณนี้ 10 กว่าศพ"เอง"ขนาดไม่มากนะ  นักแสดงหลายคนก็โอเคเล่นกันสมบทบาทดีมีมุขตลกให้ได้ขำขันบ้างเล็กน้อย  แต่สองนักแสดงของเรื่องที่เป็นที่ต้องตาต้องใจผมเป็นพิเศษคือ  Robert Duvall  และ Michael Rooker
Robert Duvall
 Michael Rooker 
หลายแรกผมชอบความเจ้าบทบาทของแกเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วจากหนังเก่าอย่าง The godfather    ส่วนรายหลังตอนนั้นอาจจะไม่เป็นที่จดจำเท่า ณ ปัจจุบันนี้เพราะ Michael Rooker ก็คือคุณพี่ เมริล ดิ๊กสัน จาก AMC The walking dead ที่คนบ้านเราน่าจะจำแกได้ไม่ยากเลยจากบทนี้   สรุปแล้ว เป็นหนังที่เป็นแบบแผนเหล่าเรื่องตามขบนหนังแอ็คชั่นสามารถรับชมกันได้ในกลุ่มคนดูหลายจำพวก ว่าจะดูเอาฮา ดูเอามันส์ ได้ทั้งนั้น แต่ที่อย่าลืมคือหนังเรื่องนี้บอกกับผมว่าเราควรตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต ความสำคัญที่จะดูแลรักษา และยอมรับความเป็นไปของธรรมชาติ  เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องยอมรับ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและคนรอบตัวเราจะจดจำเราในฐานะอะไรเมื่อเราจากไป? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณเองแล้วล่ะครับว่าจะทำให้พวกเขาจดจำคุณในฐานะอะไรดีหรือไม่ดีสุดแล้วแต่ตัวเรา  ในหนังเรื่องนี้บอกว่าการโคลนนิ่งมนุษย์จะสำเร็จในปี 2015 มารอดูกันครับปีหน้านี้เองฮึๆๆ

    6.9/10


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น