The Green Hornet หน้ากากอาละวาด ! (2011)
เมื่อประมาณสัปดาห์ ก่อนหลังสอบเสร็จผมมีโอกาสได้ไปเดินเที่ยวย่อนใจที่ห้าง ก็เป็นทำเนียมประจำที่จะต้องเดินเข้าร้าน บูมเมอร์แรง ร้านขายแผ่นDVD เข้าไปเดินดูโม้เรื่องหนังให้เพื่อนฟังจนเจ้าของร้านมั่นไส้บ้าง ยืนดูแล้วก็ไม่ซื้อบ้าง แต่พะเอิญวันนั้นผมพอมีตังค์ติดกระเป๋าอยู่บ้างผมเลย หยิบหนังมาสองเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องนี้แหละครับ
หน้ากากแตนอาละวาด ในราคา 189 บาท
หนังออกมาตั้งนานแล้วทำไมมาซื้อเอาป่านนี้เพิ่งเคยดูหรอ ?
อันที่จริงผมดูมาแล้วตั้งแต่ตอนมันเข้าโรงเลยนะ ตอนนั้นน่าจะช่วงประมาณอยู่ม.3 แท็กทีมกับพี่ชายไปดูกัน ค่อนข้างสนใจในตัวหน้ากากแตนคนนี้มาก เพราะได้ยินกิติศัพท์ที่คุณพ่อเล่าลือมานาน หลังจากดูรอบนั้นออกมา ก็เช่ามาดูซ้ำอีกรอบ โหลดเก็บบ้าง หนังมันถูกปากผมมาก จึงถึงควรแก่เวลาที่จะมีในครอบครองซะที !
The Green Hornet ?
Green Hornet (กรีนฮอร์เน็ท ) เป็นผลงานละครวิทยุที่สร้างสรรค์โดย
George W. Trendle และ Fran Striker (ผู้สร้างสรรค์เดียวกับ The Lone Ranger) ในช่วงปี 1930 เรื่องราวของ ฮีโร่หน้ากาก นามหน้ากากแตน และ ลูกมือ
เคโต้ ออกพดุงความยุติธรรมในสังคมด้วยการปราบเหล่าร้าย มาในโทนเดียวกันกับ เดอะโลนเรนเจอร์ (เพราะผู้สร้างได้เชื่อมเรื่องราวว่าตัว หน้ากากแตน
บริท รีส นั้นเป็นญาติรุ่นเหลนของ
จอห์น รีส ) เมื่อได้รับความนิยมก็มีการขยายตัวไปในสื่อต่างๆ อย่างหนังสือการ์ตูน รวมถึงภาพยนตร์ขาวดำ แต่ที่เป็นตำนานกล่าวขวัญกันจนถึงทุกวันนี้คงจะหนีไม่พ้น หน้ากากแตน ฉบับ ละครทีวีในช่วงปี 1966-1967
|
The Green Hornet 1969 |
ด้วยเนื้อหาที่เป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนฮีโร่ จึงได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้นและเป็นที่จดจำของคอหนังรุ่นปู่รุ่นพ่อชาวเอเชียด้วย
Kato (เคโต้) ผู้ช่วยของหน้ากากแตนในเรื่องรับบทโดย
Bruce Lee บรูซ ลี ดารานักบู๊ผู้ล่วงลับ ด้วยท่วงท่าการต่อสู้สไตล์กังฟูของเขาทำให้เป็นที่จดจำ ของฝรั่งตาน้ำข้าวใน Hollywood อย่างรวดเร็ว หลังจากปิดตำนานหน้ากากแตนไปแล้วในปี 1967 ก็มีการวางแผนจะนำ green hornet หลับมาในรูปแบบจอเงินหลายครั้งหลายคนแต่ก็เป็นอันล่มไปหลายครั้ง จนปี2010 S
eth Rogen เซธ โรเก้น และ เพื่อนร่วมงานของเขาเตรียมหยิบเดอะกรีนฮอร์เน็ทมาปัดฝุ่นอีกครั้งโดยวางดาวตลกชื่อดังแห่งเอเชียอย่าง
โจวซิงฉือ มาเป็นผู้กำกับ แต่ด้วย เฮียโจวซิงฉือ แกมีแนวคิดที่ว่าให้ ตัวละครเคโต้ จากผู้ช่วยเปลี่ยนมาเป็นผู้คอยชักใย ตัวกรีนฮอร์เน็ทให้ไปปราบเหล่าร้ายแทน พูดง่ายๆก็คือให้เคโต้เป็นพระเอกไปเลยครับ แต่แน่นอนว่าแนวคิดนี้ไม่ผ่านเข้าตา เซธ โรเก้น จึงเป็นอันล้มพับเก็บไป จนทางทีมงาน สามารถหาตัวผู้กำกับรายใหม่
Michel Gondry (ไมเคิล กอนดี้) มาได้งานก็เริ่มเดินหน้าไปในทางที่พวกเขาต้องการเป็นอันเปิดกล้องครับ
ณ.. เมืองลอสแองเจิลลิส ในยุคปัจจุบัน ปัญหาอาชญากรทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น กฎหมายไม่สามารถทำอะไรพวกค้ายาได้ เกิดแก๊งต่างๆมากมาย แต่ผู้คนกลับวางเชยและเห็นเป็นเรื่องปกติ ก็จะมีแต่หนังสือเอกชน
The Daily Sentinel ที่กล้าเขียนบทความและสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับความเสื่อมโทรมของเมืองให้ผู้คนเริ่มรู้สึกตัวถึงความไม่เป็นธรรมในสังคมและภัยที่กำลังคุกคามพวกเขา ภายใต้การนำของ บรรณาธิการ
เจมส์ รีด (ทอม วิกินสัน) ที่กล้าเปิดเผยความจริง แต่เขาก็ต้องกุมขมับปวดหัวก็เรื่องของลูกชาย
บริท รีด (เซธ โรเก้น) ที่วันๆเอาแต่ผลาญเงินหาความสุขกับปาร์ตี้ไปวันๆไใม่สนใจสิ่งรอบข้าง จนกระทั่ง เจมส์ รีด ถึงแก่กรรมด้วย ดวยพิษจากเหล็กในผึ้ง อย่างกระทันหัน อาณาจักรหนังสือพิมพ์เอกชนจึงต้องตกมาอยู่ในความดูแลของ บริท รีด โดยที่เขาเองไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ และในเช้าวันหลังจากที่เขาสั่งไล่คนใช้ของพ่อออกจากงานหมดนั้นเอง กาแฟรสเลิศที่ข้างเตียงยามเช้าของเขารสชาติเปลี่ยนไปเขาไม่พอใจมาก สั่งให้หัวหน้าคนใช้เรียกตัวคนชงกาแฟกลับมาด่วนที่สุด (เอาแต่ใจจริงๆ) คนชงกาแฟที่ว่านี่ก็คือ
เคโต้ (เจย์ โชว) หนุ่มชาวจีนช่างเครื่องมากความสามารถ เมื่อทั้งสองมาพบกัน ทั้งสองก็พบว่าเขาเกลียดคนๆเดียวกัน นั้นก็คือพ่อ(บริท)และเจ้านายตนเอง(เคโต้) เหมือนผีเน่ามาเจอกับโรงผุ ทั้งสองเลยวางแผนจะออกไปทำลายรูปปั่นอนุสาวรีย์ของพ่อที่สุสาน (ดูมันทำ) ขณะที่ปฎิบัติภารกิจนั้นเอง ก็ดันเกิดเหตุโจรปล้นขึ้น ซึ่งทั้งสองก็ได้เข้าไปช่วยประชาชนโดยบังเอิญ ครับและหลังจากหนีการตามล่าของตำรวจกลับมาถึงคฤหาสน์ บริท ก็ตระหนักได้ว่าการช่วยคนมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง(เคโต้จัดการคนร้ายครับ เฮียแกยืนสั่งอย่างเดียว555) เขาจึงเริ่มให้หนังสือพิมพ์ของเขาเองประโคมข่าวเหตุการณ์ในคืนนั้นพร้อม สร้างคาแร็กเตอร์ของ The Green Hornet ขึ้นมาและเริ่มออกผดุงความยุติธรรม ท้าทายอำนาจแก๊งค้ายาปแบบ เกรียนๆไปพร้อมกับเคโต้
|
หมัดฟลุ๊ค ครับอิอิ |
แอนตี้ฮีโร่
ต้องขอบอกก่อนเลยว่า กรีน ฮอร์เน็ท ในเวอร์ชั้นนี้ต่างจากใน ซีรีย์เมื่อปี่ 1966 โดยสิ้นเชิงครับแม้จะนำองค์ประกอปต่างๆอย่างตัวละครกลับมาครบก็จริง แต่ก็อย่างที่บอกครับ "แอนตี้ฮีโร่" หมายถึงพวกฮีโร่ที่ขาดคุณสมบัติบางประการที่จะเป็นฮีโร่ อย่างเช่นไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ฆ่าคนร้าย(ฮีโร่บางคนไม่ทำ) พลังพิเศษของตัวเองเป็นปมด้อย ซึ่งกรีนฮอร์เน็ทของเมื่อปี 1966 เทียบได้กับ แบท แมน & โรบิ้น เลยนะครับทั้งในเรื่องอุปกรณ์ต่างๆความสุขุมการวางแผนความรอบคอบ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนหาไม่ได้ใน กรีน ฮอร์เน็ท เวอร์ชั่นนี้เลย เริ่มจากการที่เปิดตัวพระเอกที่มาในมาดของเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่นจากคนในครอบครัวขาดความรับผิดชอบเอาแต่สนุกสนานไปวันๆ จนพ่อเขามาจากไปก็ยิ่งเหมือนเพิ่มภาระให้เขาอีก ซึ่งจากที่ไม่ค่อยชอบพ่อก็กลายเป็นเกลียดพ่อไปเลย การที่เขารู้สึกอยากเป็นฮีโร่ ก็เป็นเพียงความรู้สึกสนุกสนานเพียงชั่วครู่ครับ ถึงตอนเด็กๆเขาจะมีความคิดพยายามจะช่วยเหลือผู้คน แต่พ่อได้ใช้คำพูดที่ทำให้เขาหมดกำลังใจที่จะทำความดี
"ความพยายามจะไม่มีค่าแหกล้มเหลว" เป็นผมโดนว่าอย่างนี้นะเจ็บจี๊ดเลย สำหรับบางคนแล้วคำพูดแบบนี้อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาต่อยอดได้ แต่กับบางคนอาจเป็นคำพูดที่ไปบั่นทอนความตั้งใจจนล้มเลิกความพยายามไปเลยก็ได้ กรีน ฮอร์เน็ท เวอร์ชั่นนี่จึงเป็นฮีโร่ที่เกิดมาจากการต้องการพิสูจน์ตนเองแก่ผู้อื่นของบริทกับการลบปมด้อยที่ฝังใจเขามาตั้งแต่เด็ก โดยมีพื้นฐานเกี่ยวกับความถูกต้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง แม้เขาจะมาสำนึกได้ในภายหลังก็ตามไปดูเอาเองนะครับไม่สปอย ...
|
บริท และ เคโต้ |
เคโต้ = คนใช้/ลูกสมุน/เพื่อนชายในอุดมคติ/พี่น้อง
เคโต้ตัวละครที่ บรูซ ลี เคยได้รับบทเมื่อนานมาแล้วจนเป็นภาพจำของนักดูหนังรุ่นพ่อ บทเคโต้ในภาคนี้เคยเกือบๆจะได้เป็นของดาวตลกคนดังแห่งเอเชียอย่าง โจวซิงฉือ ไปแล้วพ่วงด้วยตำแหน่งผู้กำกับ แต่สุดท้ายบทนี้ก็มาลงเอยที่ เจย์ โชว์ นักร้องนักแสดงขวัญใจสาวๆชาวใต้หวัน เรียกได้ว่าเป็นผลงานฮอลลี่วู๊ด เรื่องแรกของเขาก็ว่าได้ซึ่งทำได้ดีเลยทีเดียว เคโต้ ของ บรูซ ลี และ เจย์ โชว์ มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยก็ว่าได้ โดยของลี จะมาในมาดเด็กรับใช้ชายจีนผู้ซื่อสัตย์ มาพร้อมสุดยอดวิชากังฟู เป็นคนมีเหตุผลรอบคอบ บริทจะต้องปรึกษากับเรื่องแผนการต่างๆที่วางไว้กับเขา โดยเคโต้จะเป็นคนชี้จุดอ่อนจุดแข็งพร้อมเสนอแนะ แต่เมื่อมาในเวอร์ชั่นของ เจย์ โชว์ มันต่างกันราวฟ้ากับเหวครับคุณผู้อ่าน บริทรู้จักเขาตอนแรกด้วยเรื่องของกาแฟ ซึ่งเคโต้ชงถูกปากครับ จากนั้นเคโต้ก็เริ่มโชว์พราวตั้งแต่รถยนตร์ติดอาวุธยัน ยุทโธปกรณ์ ต่างๆแบบจัดเต็ม (ขี้อวดมากๆ) ซึ่งในเวอร์ชั่นที่ลีแสดงไว้ไม่ได้มีบอกว่าอุปกรณ์ทั้งหมดนั้นใครเป็นประดิษฐ์ และที่ต่างจากของลีโดยสิ้นเชิงเห็นจะเป็นเรื่องความมีหัวจิตหัวใจที่จะดูเป็นปุถุชนคนธรรมดามากยิ่งขึ้น ซึ่งความเป็นปุถุชนนี้นี่เองจึงจะนำไปสู่หัวข้อต่อไป
เมื่อคนธรรมดา(ที่รวย)เป็นฮีโร่
ฮีโร่หลายคนที่เรารู้จักพวกเขามักจะไม่ยอมให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลในการตัดสินใจ แต่ไม่ใช่กับไอ้สองคนนี้ครับ ถึงบริทจะเป็นคนเริ่มแนวคิดการออกปราบเหล่าร้าย แต่ความดีความชอบต่างๆนี่ต้องยกให้เคโต้นะครับ อุปกรณ์ต่างๆ ทักษะ กังฟู ที่ช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ แต่ในสายตาประชาชนตัวเคโต้เป็นเพียงแค่.. ลูกมือ....ลูกสมุน....คนขับรถของกรีนฮอร์เน็ท เท่านั้นเอง นี่แหละครับนำมาซึ่งความน้องใจเล็กๆของเคโต้ ด้วยนิสัยเอาต่อใจของบริทอีกที่กดหวใช้งานเคโต้ให้ทำเรืองต่างๆ แบบไม่ไว้น่ากันเลยก็มีหรอที่เฮียแกจะไม่ยั๊วะ ตัวบริทเองก็ใช้ย่อยครับปัญหาระดับชาติที่เกิดในหนังเรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ชายทุกคนบนโลกครับ นั้นก็คือ
เรื่องผู้หญิงนี่แหละครับ ... เฮ่อ ต้องแนะนำให้รู้จักก่อนนะครับเธอคนนี้คือ เลนอว์ เคส (คาเมลอน ดิแอซ) สาววัย30กว่าๆ ที่เข้ามาสมัครเป็นเลขาชั่วคราวของบริทที่ เดลี่ เซนติเนล แต่บริทเธอเข้าทำงานถาวรครับ (งูโผล่บนหัวตัวเบ่อเร่อ) และนี่ล่ะครับ บริทก็ปิ๊ง เคโต้ ก็ปิ๊ง มันจึงเป็นเรื่องโดยทั้งสองไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรในเมือง L.A เลยจึงใช้เธอเป็นคนหาข้อมูลให้นี่แหละครับ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าไอ้สองนายนี่จะเอาข้อมูลของเธอไปใช้วางแผนท้าชนกับขาใหญ่ใน L.A. เธอการเป็นคนวางแผนไปโดยปริยาย ผิดกับเวอร์ชั่นเมื่อปี 1966 ที่เป็นเหมือนตัวถ่วงที่สองนายต้องตามไปช่วยมากกว่า บริท กับ เคโต้ ถึงกับต่อยกันบ้านแทบฟัง แน่นอนบริทโดนซัดเละครับแต่รอดมาได้เพราะเคโต้...ไม่สปอย
นี่จึงแสดงให้เห็นว่าทั้งสอง ก็ยังเป็นคนธรรมดาอย่างเราๆนี่แหละครับ ยังมี รัก โลภ โกรธ หลง ให้ได้เห็นเป็นส่วนที่ทำให้ผมชอบประเด็นนี้ว่าแบบทีฮีโร่ถึงจะตามแก้ปัญหาให้คนอื่นแต่ก็มีต้องปัญหาของตัวเองเหมือนกัน ฮีโร่ถ้ามีจุดอ่อนคนก็ด่าว่าอ่อนแอ ฮีโร่ถ้าเก่งกาจทรงพลังคนก็ด่าว่าโอเวอร์เกินจริงเป็นหนังการ์ตูน ฮีโร่ถ้ามีคุณธรรมสูงส่งขาวจัดคนดูก็จะว่าโลกสวย ด้วยองค์ประกอบที่พูดมานี่เองครับ กรีนฮอร์เน็ทจึงมีความเป็นสีเทา อยู่ในระดับที่ว่าไม่ดีเกินไม่เกรียนเกิน แต่ด้วยหนังมาโทนจริงจังจนน่าเครียด กรีน ฮอร์เน็ท และ เคโต้ ในเวอร์ชั่นนี้จึงต้องกลายเป็นเหมือนตัวตลกสำหรับคนดูไปด้วย เพื่อควมสนุกสนานเฮฮาของหนัง
มาดูตัวร้ายกันบ้าง ...
"ชัคนอฟสกี้ " เป็นชื่อของวายร้ายคู่เกรียนต้องประมือด้วยในหนังตอนนี้ครับ รับบท คริสตอฟ วอลซ์ ซึ่งอันที่จริงแล้วบทนี้เคยเกือบๆจะได้ดาราพระเอกรุ่นใหญ่อย่าง นิโคลัส เคจ มาแสดงแล้วนะครับแต่เฮียแกก็ดัน Say no จากโปรเจกต์นี้ไป แต่ก็ถือว่าดีครับเพราะถ้าหนังเข้ามาไทยคนดูอาจจะชอบตัวร้ายมากกว่าพระเอก ^^ ชัคนอฟสกี้ เป็นพ่อค้ายารายใหญ่ในลอสแองเจอลิสมีสมุนและลูกหาบมากมายครับแต่เขาต้อง วิกฤตชีวิตเมื่อแก๊งใหม่ๆเกิดขึ้นมาข้ามหน้าข้ามตาเขาโดนลบหลู่ทำให้เขาต้องล้างบางพวกเด็กรุ่นใหม่สร้างความยำเกรงในหมู่ลูกน้องอีกครั้ง ทุกอย่างไปด้วยสวยจนกระทั่ง กรีนฮอร์เน็ท โผล่มาเท่านั้นแหละครับ มีลูกน้องของเขาจำนวนนึงมองว่า กรีนฮอร์เน็ท หน้ากลัวกว่าเขาเท่านั้นเฮียแกก็ฉุนขาดสั่งตามล่าเกรียนฮอร์เน็ทพร้อมคิดไปว่า คนกลัวกรีนฮอร์เน็ทเพราะมันใส่หน้ากาก เอาข้าจะใส่บ้าง 555 บ้างได้ใจ คริสตอฟ เล่นำได้เหี่ยมแต่ก็ยังแฝงความฮาปัญญาอ่อนเข้าด้วยลงตัวดีทีเดียว แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าท่าให้เคจเล่นมันจะออกมาเป็นยังไงนะ
หนังเปิดเรื่องมาให้เห็นความสัมพันธ์ของ บริท กับ พ่อของเขาต่อด้วยการแนะนำตัวร้ายพร้อมพาไปดูบริทในวัยหนุ่มที่ค่อนเสเพล จนตัดมาที่ฉากการตายของพ่อเขาที่ทำให้อารมณ์หนังดูโดดอยู่บ้าง จนการมาของเคโต้ ทั้งสองออกไปเกรียนด้วยกันช่วงนี้เล่าได้ฮามากๆ ฉากแอ็คชั่นไม่ถึงคั่นจัดเต็มแต่ก็ถือว่าเยอะสำหรับหนังโปรดั๊กชั่นเล็กไม่ได้อภิมหามากนัก (ตอนก็แปลกใจว่าทำไมถึงได้เข้าโรงบ้านเราด้วย)
ที่เป็นไฮไลท์คงฉากแอ็กชั่นของเคโต้ที่ ดูแล้วเพลินตากับการหยุดเวลาและอาละวาด ทำออกมาได้เท่เหมือนหนังการ์ตูน พล็อตของเรื่องไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่แต่ก็พอดูคลายเครียดได้หากไม่จริงจังเน้นเนื้อหา มีแนวคิดและคติดีๆสอดแทรกเกี่ยวกับเรื่องมิตรภาพ ครอบครัว ฉาบไว้ออกจะบางๆไปหน่อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี กรีนฮอร์เน็ทจึงจัด เป็น Action Comedy ที่เหมาะจะดูกันทั้งครอบครัว
6.9/10